10 อันดับ ผู้หญิงที่รวยที่สุดในโลก ปี 2020!
1.ฟรองซัวส์ เบตตองกูร์ เมเยอร์ (Françoise Bettencourt Meyers) - L'Oreal
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 54,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
ผู้หญิงที่รวยที่สุดในโลก (ณ ขณะที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความนี้) Françoise Bettencourt Meyers ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 13 จากการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกของ Forbes (Forbes' World's Billionaires) ทายาทของบริษัท ซึ่งเป็นหลานสาวของ Eugène Schueller ผู้ก่อตั้ง L'Oreal ได้สืบทอดอาณาจักรแห่งความงามเมื่อ Liliane Bettencourt แม่ของเธอเสียชีวิตในปี 2017 เธอดำรงตำแหน่งประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ของครอบครัว บริษัท Tethys SAS ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ L'Oreal ถึง 33% เธอชอบการทำการกุศลและดำรงตำแหน่งประธานของมูลนิธิ Bettencourt Schueller ของครอบครัว ซึ่งเป็นผู้ให้ทุนและสนับสนุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ด้านมนุษยธรรมและศิลปะในฝรั่งเศส นอกจากนี้ในปี 2019 มูลนิธิของครอบครัวเธอและ L'Oreal ร่วมบริจาคเงินกว่า 226 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซ่อมแซมอาสนวิหาร น็อทร์-ดามแห่งปารีส หลังจากเกิดเพลิงไหม้อีกด้วย
2.อลิซ วอลตัน (Alice Walton) - Walmart
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 51,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
Alice Walton ลูกสาวของ Sam Walton ผู้ก่อตั้ง Walmart เธอแตกต่างจากพวกพี่ชายของเธอ เธอไม่ได้มีบทบาทในการบริหารร้านค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่เธอกลับอุทิศตนให้กับศิลปะและการกุศล เธอคือผู้ก่อตั้งและประธานของพิพิธภัณฑ์ Crystal Bridges Museum of American Art ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2011 Crystal Bridges คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งใหญ่แห่งแรกตั้งแต่ปี 1974 และได้รวบรวมผลงานที่ทรงคุณค่ามากมาย รวมถึงผลงานของ Andy Warhol, Norman Rockwell และ Mark Rothko ในปี 2017 เธอได้ก่อตั้งมูลนิธิไม่แสวงหาผลกำไร Art Bridges ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้คนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงงานศิลปะอเมริกันได้มากยิ่งขึ้น
3.จูเลีย เฟลชเชอร์ โคค (Julia Flesher Koch) - Koch Industries
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 41,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
Julia Flesher Koch กลายเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดคนหนึ่งของโลกในปี 2019 เมื่อเธอได้รับมรดกจากสามีผู้ล่วงลับ David Koch เป็นหุ้นจำนวนมหาศาลจาก Koch Industries ครอบครัวโคคประกอบด้วย Julia และลูก ๆ ทั้ง 3 คน ได้แก่ David Jr, Mary Julia และ John Mark โดยถือหุ้นจำนวน 42% ในบริษัทอเมริกันรายใหญ่ ซึ่งลงทุนด้านการเงิน ยางมะตอย ก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเลียมและอื่น ๆ ผ่านบริษัทย่อยอีกมากมาย
นอกจากนี้ Julia Koch ยังดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิ David H. Koch ซึ่งให้การสนับสนุนเงินกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การศึกษาและอื่น ๆ อีกทั้งเธอเองยังหลงใหลในด้านศิลปะเป็นอย่างมากและได้รับตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของ School of American Ballet รวมถึงเป็นประธานในงาน American Ballet Theatre รวมถึง Met Gala ปี 1998 อีกด้วย
4.แม็กเคนซี เบโซส์ (MacKenzie Bezos) - amazon.comมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 38,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
อดีตภรรยาของ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ที่ครองรักกันเป็นเวลานานกว่า 25 ปี เมื่อปีที่แล้วมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ MacKenzie Bezos เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันหลังจากที่อดีตสามีโอนหุ้นส่วนกว่า 25% ของเขาใน Amazon ให้เธอตามข้อตกลงการแบ่งทรัพย์สินหลังการหย่าร้าง หุ้นส่วนที่เธอได้รับคิดเป็น 4% ของบริษัท มีมูลค่าถึง 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐในเวลานั้น อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าเธอได้ขายหุ้นมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปเป็นที่เรียบร้อยในเดือนมกราคม เธอยังได้ลงนามใน Giving Pledge เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยสัญญาว่าจะบริจาคทรัพย์สมบัติของเธออย่างน้อยครึ่งหนึ่ง แม้ว่าในช่วงแรกเธอจะมีบทบาทอย่างมากในการดำเนินงานของ Amazon แต่แล้วเธอก็ได้ถอนตัวออกจากบทบาทหน้าที่เมื่อ Amazon เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 1997 และมุ่งเน้นไปที่การเขียนนิยาย เธอได้ตีพิมพ์นวนิยายสองเล่ม - The Test of Luther Albright (2005) และ Traps (2013)
5.แจ็คเกอลีน มาร์ส (Jacqueline Mars) - Mars, Inc.มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 30,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
หลานสาวของ Frank C. Mars ผู้ก่อตั้งโรงงานผลิตขนมหวานรายใหญ่ที่สุดของโลก Jacqueline Mars คือทายาทของ Mars, Inc. และได้รับมรดกเป็นผู้ครอบครองหุ้น 1 ใน 3 ของบริษัท ปัจจุบันเธอมีอายุ 79 ปี เธอได้เข้าร่วมทำงานกับบริษัทในฐานะประธาน Food Product Group ในปี 1982 และเกษียณอายุในปี 2001 และดำรงตำแหน่งคณะกรรมการต่อไปจนถึงปี 2016 ปัจจุบันลูกชายของเธอ Stephen Badger ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการของ Mars, Inc. Jacqueline Mars มีชื่อเสียงในด้านการกุศลโดยทำหน้าที่เป็นประธานของมูลนิธิ Mars ซึ่งเธอได้บริจาคเงินก้อนใหญ่ให้กับวงดุริยางค์ซิมโฟนีแห่งชาติและแพทย์ชนบทของออสเตรเลีย นอกจากนี้เธอยังดำรงตำแหน่งคณะกรรมการกรรมบริหารอีก 6 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น Smithsonian และ National Archives
6.หยาง ฮุยหยาน (Yang Huiyan) - Country Garden Holdingsมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 25,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
Yang Huiyan เป็นลูกสาวของ Yeung Kwok Keung นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากมณฑลกวางตุ้ง ผู้ก่อตั้ง Country Garden Holdings ในปี 2007 ด้วยวัย 25 ปี เธอกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน เมื่อเธอได้รับโอนทรัพย์สินกว่า 70% จากพ่อของเธอ ปัจจุบันในวัย 38 ปี เธอคือผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีนด้วยการถือหุ้นกว่า 57% ในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้เธอยังดำรงตำแหน่งประธานของ Bright Scholar Education Holdings ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโรงเรียนนานาชาติและโรงเรียนสองภาษาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
7.ลอเรนซ์ โพเวลล์ จอบส์ (Laurene Powell Jobs) - Apple และ Disneyมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 23,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
Laurene Powell Jobs แม่ม่ายอดีตภรรยาของ Steve Jobs ได้รับมรดกเป็นหุ้นของ Apple และ Disney มูลค่ากว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐหลังจากสามีของเธอเสียชีวิตในปี 2011 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็อุทิศตนให้กับ Emerson Collective และงานเพื่อสังคมอื่น ๆ Laurene Powell Jobs ก่อตั้ง Emerson Collective ในปี 2004 โดยเธอตั้งชื่อตามนักเขียนคนโปรด Ralph Waldo Emerson องค์กรเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมแห่งนี้มุ่งเน้นไปที่การศึกษา การปฏิรูปการเข้าเมือง สิ่งแวดล้อม สื่อและสุขภาพ โดยใช้การลงทุนและการส่งผลกระทบทางสังคมแเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้เธอยังลงทุนในนิตยสารแอตแลนติกและสิ่งพิมพ์ที่ไม่หวังผลกำไรอื่น ๆ เช่น Mother Jones และ ProPublica รวมถึง Concordia Studio ที่สร้างภาพยนตร์สารคดีร่วมกับผู้กำกับรางวัลออสการ์ Davis Guggenheim
8.ซูแซน คลัทเท็น (Susanne Klatten) - BMW และ AltanaSusanne Klatten บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเยอรมนี โดยมีหุ้น 19.2% ใน BMW เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวของบริษัทเคมี Altana AG หุ้นจำนวนหนึ่งในธุรกิจพลังงานลม Nordex AG บริษัทปุ๋ย Geohumus และผู้ผลิตคาร์บอนและกราไฟท์ SGL Group แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงที่เกิดมาบนกองเงินกองทองเท่านั้น Susanne Klatten คือผู้ที่พัฒนา Altana AG ของคุณปู่ของเธอให้กลายเป็นบริษัทยา/เคมีภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เธอมุ่งมั่นพัฒนาบริษัทในฐานะนายทุนก่อนที่จะเข้าเป็นเจ้าของอย่างเต็มตัวในปี 2008 ปัจจุบัน Altana AG คือผู้นำในด้านเคมีภัณฑ์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น สี น้ำยาเคลือบและกาว
9.ชาร์ลีน เดอ คาร์วัลโฮ ไฮเนเก้น (Charlene de Carvalho-Heineken) - Heineken
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 16,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
Charlene de Carvalho-Heineken ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาเพื่อสานต่ออาณาจักรไฮเนเก้น หนึ่งในผู้ผลิตเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ธุรกิจครอบครัวนี้ก่อตั้งขึ้นโดยคุณทวดของเธอ Gerard Adriaan Heineken เมื่อ 150 ปีก่อน และในที่สุดก็ถูกส่งต่อให้พ่อของเธอ Freddy Heineken ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO มาอย่างยาวนาน เธอเป็นเพียงภรรยาที่คอยดูแลสามีและลูก ๆ อีก 5 คนเท่านั้น แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้รับมรดกเป็นหุ้น 23% ของไฮเนเก้นหลังจากพ่อของเธอเสียชีวิตลงในปี 2002 ในฐานะทายาทเพียงคนเดียวทำให้เธอต้องก้าวขึ้นไปสู่บทบาทที่เธอไม่เคยปรารถนาอย่างก้าวกระโดด หลังจากที่เธอเข้ามาดูแลกิจการ เธอได้พัฒนาหุ้นที่กำลังถดถอยลงโดยการจ้าง CEO Jean-François van Boxmeer และเปิดขายหุ้นบริษัทเพื่อผลักดันตำแหน่งของไฮเนเก้นในตลาด เธอได้แชร์ความคิดเห็นว่าเธอมองความเป็นผู้นำของเธอในฐานะผู้พิทักษ์มากกว่าเจ้าของ และตอนนี้เธอกำลังเตรียมตัวลูก ๆ ของเธอเพื่อรับช่วงดูแลธุรกิจของครอบครัวต่อไป
10.แอบิเกล จอห์นสัน (Abigail Johnson) - Fidelity Investmentsมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 16,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทายาทรุ่นที่สามของ Fidelity Investments ซึ่งเป็นกองทุนรวมเอกชนที่ก่อตั้งโดยคุณปู่ของเธอ Edward C. Johnson II ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่รับช่วงต่อกิจการครอบครัว Abigail Johnson ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในด้านการเงิน หลังจากเธอเข้าดำรงตำแหน่ง CEO ของ Fidelity Investments ในปี 2014 และประธานบริษัทในปี 2016 เธอได้พัฒนาสิ่งต่าง ๆ ในบริษัทที่มีอายุกว่า 72 ปีอย่างรวดเร็ว โดยปรับเปลี่ยนทิศทางจากการทำธุริกิจแบบดั้งเดิม หันไปทำกองทุนแบบเปิดและแนะนำกองทุนดัชนีที่ไม่มีค่าใช้จ่ายที่เหมาะกับคนยุคใหม่ เปิดรับสกุลเงินดิจิทัล โดยเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับ ether และ bitcoin ในปี 2018 นอกจากนี้เธอยังเป็นที่รู้จักในฐานะบุคคลที่ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่เป็นมิตรกับผู้หญิง โดยทั่วไปแล้วธุรกิจด้านการเงินนั้นมีอคติต่อผู้หญิง เธอจึงสร้างความตระหนักและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเป็นอย่างมาก
เครดิตแหล่งข้อมูล : thailandtatler